จานชามศิลาดล

จานชามศิลาดล

ศิลาดลคืออะไร
ศิลาดลหรือสังคโลก มาจากคำภาษาอังกฤษสันสกฤตคำว่า ” ศิลา ” แปลว่าหิน ” ดล ” แปลว่าเขียว รวมกันแปลว่าหินสีเขียว เนื่องจากมนุษย์พยายามที่จะเลียนแบบให้เหมือนหยกในธรรมชาติ โดยที่หยกได้รับความนิยมว่าเป็นหินธรรมชาติที่แข็งแกร่งสวยงาม และนำโชคลาภมาให้ ” ศิลาดล”ทำขึ้นโดยวัสดุธรรมชาติล้วนๆไม่มีสารเคมีใด ๆ เจือปน จึงได้รับยกย่องว่ามีความปลอดภัยสูงจึงใช้เป็นภาชนะใส่อาหาร

ลักษณะเด่นของศิลาดล ( celadon )เป็นเครื่องปั้นดินเผาที่เผาด้วยความร้อนสูง เคลือบด้วยวัสดุธรรมชาติมีลักษณะเป็นเคลือบใสสีเขียวหยกมองทะลุเนื้อดินได้ ผิวเคลือบจะราน แตกลายงา (crack)

งานศิลาดลเป็นงานที่เน้นความประณีตและใช้ฝีมือของช่างในการทำแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน ปั้นดิน รวมถึงการเผาชิ้นงานรอบแรกด้วยอุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการชุบเคลือบชิ้นงาน ด้วยน้ำเคลือบขี้เถ้า(Ashgalze) โดยไม้ก่อไม้รกฟ้ามาเผาเอาขี้เถ้า ผสมกับดินหน้าผิวนา ถ้าให้สวยเป็นมันเงา มักเคลือบชิ้นงานให้หนา ผิวเคลือบที่ได้จะรานตัว (Glazing) แตกลายงา (Crack) ซึ่งการเผาเคลือบใช้เทคนิคด้วยวิธีลดออกซิเจน ( reducing ) เผาความร้อนสูงประมาณ 1,2060-1,300 องศาเซลเซียส แล้วทิ้งให้เย็นตัวจะเกิดเป็นสีเขียว

ประวัติศิลาดลในประเทศไทย

เกิดขึ้นในสมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาประเภทสโตนแวร์ (Stoneware) เคลือบสีเขียวไข่กา ซึ่งเรียกเครื่องปั้นดินเผาเคลือบโทนสีเขียวนี้ว่า “เครื่องสังคโลก” เรียกชื่อตามแหล่งเตาเผาที่ผลิตใน อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย

ผลิตภัณฑ์เซลาดอน (Celadon) เราใช้เรียกทับศัพท์ตามภาษาฝรั่งเศส มีต้นกำเนิดมาจากจีน ในสมัยอยุธยาได้มีการสั่งผลิตภัณฑ์พอร์ตสเลน (Porcelain) จากจีน ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาเนื้อขาวกึ่งแก้ว คนส่วนใหญ่จึงหันไปนิยมเครื่องลายครามแทนศิลาดล

ส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ เดิมมีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาอุณหภูมิต่ำ ประเภทคนโท หม้อน้ำ อ่าง และกระถาง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดินแดง (Terra Cotta)ไม่มีการเคลือบ ต่อมาเริ่มมีชาวไทยใหญ่จากรัฐฉาน ประเทศพม่า อพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น มีการตั้งเตาหลายที่ โดยใช้เคลือบขี้เถ้าไม้เผาที่อุณหภูมิสูง จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น

ในปัจจุบันการผลิตงานศิลาดลเริ่มเป็นงานที่หาได้ยาก เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตเริ่มหายาก ประกอบกับการสืบสานการเผางานศิลาดลโดยใช้น้ำเคลือบโบราณนั้น ต้องใช้ประสบการณ์และเทคนิคเฉพาะบุคคล ส่วนการออกแบบชิ้นงานในปัจจุบันเริ่มมีหลากหลายขึ้น ส่วนใหญ่ยังผลิตแบบดั้งเดิมโดยใช้ฝีมือแรงงาน ใช้เครื่องจักรในการผลิตน้อย และน้ำเคลือบใช้สูตรโบราณจากขี้เถ้าไม้ยืนต้นจากไม้ก่อและไม้รกฟ้า มาผสมกับดินผิวหน้านา จึงถือได้ว่าเชียงใหม่ เป็นแหล่งผลิตเซลาดอนแบบดั้งเดิม ที่อนุรักษ์ความงามของศิลปะสมัยสุโขทัยไว้ และมีการผลิต

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า